งานโยธา สมัยใหม่ใช้เครื่องมือช่างไฟฟ้าราคาถูก ผมคิดว่าต้อง ให้ดีวิศวกรโยธาต้องสามารถอ่านแบบหรือประสานงานระบบไฟฟ้า เครื่องกลได้ บาง เพราะระบบไฟฟ้าเครื่องกล ต่อไป มีแต่จะพัฒนาก้าวไปข้างและ มีบทบาทกับอาคารมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมา อาคารสาธาณะ ประโยชน์ต่างๆ ในรูป คือฐานรากของ ตอม่อเสารั้วของ สถานนีจ่ายไฟฟ้า ขนาด 115kva สังเกตมีสายกราวต์ทองแดงพาดผ่าน
งานวิศวกรรมไฟฟ้า เครื่องสว่านเขาพัฒนากันจนจะไป ออกท่องอวกาศแล้ว แต่งาน โยธา บ้านเรา ทำอะไรกันอยู่ น่าจะมีการจัดสัมนาการพัฒนาวิชาวิศวกรโยธามืออาชีพ หรือวิศวกรโยธา ในอนาคตควรมีคุณคุณสมบัติอะไรบาง ท่านอื่นๆ เห็นว่าอย่างไร
แค่เรื่องระบบพื้น pst ตอนเรียน ป ตรี มีไม่เกินหนึ่งตัวให้เรียน แต่พอจบมา ดันมาคุมแต่งาน pst มันไม่มีการปรับแก้หลักการเรียนเพื่อมาใช้ในชีวิตจริงในหลายอย่าง ในหลาย ม. อ่ะครับ
เรื่องขุดเจาะ โดนท่อ เครื่องเป่าลมเสีย โดนสายไฟ ทำใจได้เลยตามซ่อมกันไป. แต่ลางเรื่องมันแก้กันไม่ได้จริง ๆ งานโยธา เรียกอีกอย่างว่า ศาสตร์ที่ตายแล้ว ความหมายชัดเจน ทำจากล่างขึ้นบน ทำแบบเดิม ๆ พลิกแพลง ได้ไม่เยอะเหมือนงานระบบแบบเรา ๆ ที่ต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน เพราะถ้าตามไม่ทันเราจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง โอนเนอร์ตัวดียิ่งชอบเอาเทคโนโลยีมาใส่ให้ด้วย
อย่าว่าแต่ วิศวกรโยธา เลย
สถาปัตยกรรม ของผม พอเข้าถึงช่วงงานก่อสร้างหรือแก้ไขอาคารวิบัติ อาคารถล่ม ส่วนร่วม ตัดสินใจแทบจะเป็น 0 เหมือนไร้ตัวตน มาโผล่อีกทีตอนทำงานตกแต่ง ก่ออิฐ ฉาบปูน ปูกระเบื้อง ฝ้าเพดาน ทาสี ฯลฯ
งานโยธามักจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของงานอื่นๆและมักจะเป็นงานที่ใช้วัสดุมากกว่างานอื่นๆหลายเท่า เช่นปั้มน้ำ ดังนั้นเมื่อคิดเป็นเงินเทียบกับปริมาตรของวัสดุแล้วจึงยากที่จะพลิกแพลงไปใช้วัสดุอื่นมาทดแทน แต่ทั้งนี้ ทฤษฎีที่เกี่ยวกับสาขาที่เราๆเรียนกันนั้นยังมีอีกมากมาย ถ้ารู้สึกเบื่อความรู้ที่มีขณะนี้แนะนำให้เข้าไปปรึกษาอาจารย์ในมหาลัยที่มีสอนระดับ โท เอก ครับ
เทียบมูลค่างานโครงสร้าง 35% และเริ่มก่อนงานอื่น ส่วนสถาปัตย์มูลค่างาน 45% ที่เหลือ20%เป็นมูลค่างานไฟฟ้าสุขาฯและอื่นๆ จึงไม่แปลกที่คนส่วนมากชอบสนใจงานตามค่าใช้จ่าย แต่ถ้าไม่มีงาน 20 % ที่เหลืองานก็ไม่จบนะ ถ้าคนจะเป็นโปรเจ็คไซด์แต่ความรู้เรื่องไฟใช้ปั้มลมและสุขาฯเลยก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
เด๊ยวนี้มูลค่างาน มันไม่สำคัญครับปริมาณงานครับทรัพยากรและแรงงาน กำไรมันต่างกัน เราจึงไม่ใส่รายละเอียดกันตรงนั้น เพราะกฏหมายกำหนดให้ ต้องมีงานระบบที่ได้มาตรฐาน ถึงจะเปิดใช้ตึก อาคาร แวร์เฮ้าท์ นั้น ๆ ได้ ไม่ได้เหมือนแต่ก่อนที่เอา ผรม บ้าน ๆ มาทำให้ใช้ได้ก็จบ แต่ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการของโปรเจ็ค ที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดทั้งโครงการเพราะงาน เจาะ ทุบ รื้อ คลอริ่ง ต่าง ๆ มีผลต่องานโครงสร้างทั้งนั้น งานระบบส่วนใหญ่ ถึงได้มีความรู้เรื่องโธยาพอสมควรไม่มากก็น้อย เพราะไม่สามารถ หนีจากงานโครงสร้างได้ ที่อยากจะบอกมีแค่นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น